
เยื่อไผ่ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ใยไผ่” เป็นวัสดุธรรมชาติที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประโยชน์ใช้สอยที่หลากหลาย แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า “เยื่อไผ่ทำมาจากอะไร?” บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับกระบวนการผลิตและคุณสมบัติเด่นของเยื่อไผ่
เยื่อไผ่ทำมาจากอะไร?
เยื่อไผ่ทำมาจาก ต้นไผ่ ซึ่งเป็นพืชตระกูลหญ้าที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วและสามารถเจริญเติบโตได้ในหลากหลายสภาพภูมิอากาศ การนำไผ่มาผลิตเป็นเยื่อใยนั้นไม่ได้ใช้ส่วนที่เป็นลำต้นแข็งๆ ที่เราเห็นทั่วไป แต่เป็นการสกัดเส้นใยเซลลูโลสที่อยู่ภายในลำต้นของไผ่
กระบวนการผลิตเยื่อไผ่หลักๆ มี 2 วิธี:
- การผลิตแบบกลไก (Mechanical Process):
- เป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้การบดหรือทุบต้นไผ่ให้เป็นเส้นใย จากนั้นนำไปล้างและผ่านกระบวนการทางกายภาพต่างๆ
- ข้อดี: เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า เพราะใช้สารเคมีน้อย
- ข้อเสีย: เส้นใยที่ได้อาจมีความหยาบกระด้าง ไม่นุ่มนวลเท่าวิธีอื่น และอาจมีประสิทธิภาพในการผลิตต่ำกว่า
- การผลิตแบบเคมี (Chemical Process) หรือ วิสคอส (Viscose Process):
- เป็นวิธีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพื่อให้ได้เส้นใยที่นุ่มนวลและสม่ำเสมอ
- ขั้นตอนโดยย่อ:
- สกัดเซลลูโลส: นำไผ่มาสับเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปต้มกับสารละลายด่างเข้มข้น เพื่อสกัดเอาเซลลูโลสออกมา
- แช่ในคาร์บอนไดซัลไฟด์: นำเซลลูโลสที่ได้ไปแช่ในสารละลายคาร์บอนไดซัลไฟด์ (Carbon Disulfide) เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาและได้เป็นสารละลายเหนียวข้นที่เรียกว่า “วิสคอส”
- ปั่นเป็นเส้นใย: สารละลายวิสคอสจะถูกฉีดผ่านรูเล็กๆ (Spinneret) ลงในสารละลายกรด ซึ่งจะทำให้สารละลายจับตัวกันเป็นเส้นใย
- ล้างและอบแห้ง: นำเส้นใยที่ได้ไปล้างสารเคมีออกให้หมดจด แล้วนำไปอบแห้ง ก็จะได้เป็น “เส้นใยเยื่อไผ่” ที่พร้อมนำไปใช้งาน
- ข้อดี: ได้เส้นใยที่นุ่มนวล สวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี และมีความแข็งแรง
- ข้อเสีย: มีการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิต ซึ่งหากไม่มีการจัดการที่ดีอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะใช้ระบบปิดและบำบัดสารเคมีเพื่อลดผลกระทบ
คุณสมบัติเด่นของเยื่อไผ่
เยื่อไผ่มีคุณสมบัติที่น่าสนใจหลายประการ ทำให้เป็นที่นิยมในการนำไปผลิตสินค้าหลากหลายชนิด:
- นุ่มสบาย: เส้นใยเยื่อไผ่มีความนุ่มนวลเป็นพิเศษ สวมใส่สบาย ไม่ระคายเคืองผิว
- ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม: โครงสร้างของเส้นใยมีรูพรุนเล็กๆ ทำให้ระบายอากาศได้ดี ช่วยให้รู้สึกเย็นสบาย ไม่อับชื้น
- ดูดซับความชื้นได้ดี: สามารถดูดซับเหงื่อและระบายความชื้นได้ดีกว่าผ้าฝ้าย ทำให้ผิวแห้งสบาย
- ป้องกันแบคทีเรียและลดกลิ่นอับ: เส้นใยไผ่มีคุณสมบัติตามธรรมชาติที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นอับ
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ไผ่เป็นพืชที่เติบโตเร็ว ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีหรือยาฆ่าแมลงมากนัก ทำให้เป็นทรัพยากรหมุนเวียนที่ดีเยี่ยม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว (หากกระบวนการผลิตมีการจัดการที่ดี)
- ป้องกันรังสี UV: มีคุณสมบัติในการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ได้ในระดับหนึ่ง
- ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ: เยื่อไผ่เป็นเส้นใยธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
ผลิตภัณฑ์จากเยื่อไผ่
ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย ทำให้เยื่อไผ่นิยมนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ดังนี้:
- เครื่องแต่งกาย: เสื้อผ้า ถุงเท้า ชุดชั้นใน ผ้าขนหนู เนื่องจากนุ่มสบาย ระบายอากาศดี และลดกลิ่นอับ
- เครื่องนอน: ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน เพราะช่วยให้หลับสบาย เย็นสบาย
- ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก: ผ้าอ้อม เสื้อผ้าเด็กอ่อน เนื่องจากอ่อนโยนต่อผิวบอบบาง
- ผลิตภัณฑ์สุขอนามัย: ผ้าเช็ดทำความสะอาดเปียก สำลี
- กระดาษ: เยื่อกระดาษจากไผ่สามารถนำไปผลิตเป็นกระดาษชนิดต่างๆ ได้
สรุปแล้ว เยื่อไผ่คือเส้นใยเซลลูโลสที่สกัดมาจากต้นไผ่ โดยส่วนใหญ่มักผลิตด้วยกระบวนการทางเคมีเพื่อให้ได้เส้นใยที่มีคุณภาพสูงและนุ่มนวล การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากเยื่อไผ่จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อผิว สวมใส่สบาย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม